เป็นเรื่องราวที่ถูกกล่าวขานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเรื่องราวของหญิงตายทั้งกลมมีสามีชื่อว่า “มาก” ในขณะที่สามีเดินทางไปรับใช้ชาติระหว่างสงครามที่บางกอก ตามรายงานระบุว่านางนาคตายระหว่างคลอดลูก โดยศพของนางนาคถูกฝั่งไว้ป่าช้าหลังวัดมหาบุศย์ เมื่อสามีกลับมาจากสงครามก็พบกับภรรยาตัวเองที่เป็นคนปกติ ไม่แสดงถึงความเป็นวิญญาณหรือผีแต่อย่างใด ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมากไม่ได้ผิดสังเกตแต่อย่างใด จนท้ายที่สุดก็พบกับชาวบ้านมาบอกความจริงกับนายมากว่าภรรยาที่รักของตนเสียชีวิตไปแล้ว แต่นายมากเองก็ไม่ได้เชื่ออย่างเต็ม จนในที่สุดนายมากก็พบกับความจริงด้วยตัวเอง และพยายามหลบหนีจากภรรยา โดยได้หนีมาอาศัยกับพระรูปหนึ่งทำให้นางนาคทำอะไรไม่ได้ ซึ่งไปอาละวาดชาวบ้านบริเวณแถวนั้นอย่างรุนแรง จนสุดท้ายมีหมอผีผ่านมาจึงจับนางนาคยัดลงหมอและถ่วงน้ำ
สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ส่งนางนาคไปสู่สุคติ
ตามรายงานเพิ่มเติมกล่าวว่าเมื่อนางนาคถูกจับยัดลงหม้อและถ่วงน้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับมาตายายหาปลาคู่หนึ่งผ่านมาแล้วเกิดทอดแหได้หม้อของนางนาคมา ทำให้นางนาคหลุดออกมาอาละวาดอีกครั้งหนึ่ง สุดท้ายแล้วต้องเดือดร้อนถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สะกดวิญญาณและนำนางนาคไปสู่สุคติด้วยการนำวิญญาณมาสะกดลงกระดูกบริเวณหน้าผากหรือปั้นเหน่ง
รายงานจริงโดยละเอียดจากผู้ศึกษาประวัติศาสตร์
ตามรายงานของผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของแม่นาคจริงๆ พบว่าความจริงแล้วนั้นนางนาคตายขณะตั้งท้อง และทางฝ่ายลูกของผู้ตายหรือนาคกลัวว่าบิดาของตนจะไปมีภรรยาใหม่ จึงร่วมมือกันสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้ที่ผ่านมา เช่น ขวางหินใส่เรือรวมถึงหลอกชาวบ้านว่าแม่ของตนเฮี้ยน เหตุผลก็คือหากบิดาของตนไปมีภรรยาใหม่อาจทำให้ต้องแบ่งสมบัติแก่ภรรยาใหม่ของบิดาตนเองนั่นเอง